ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดแข็งขึ้นเล็กน้อย จากดอลลาร์อ่อนคลายกังวลดอกเบี้ยเฟด

แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กระตุ้น 1% ของ GDP อาจได้ไม่คุ้มเสีย

ความต้องการ “เพชร” ร่วงต่อเนื่อง เหตุคนทุ่มเงินกิน-เที่ยวหลังโควิด

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากนักลงทุนประเมินการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานบ่งชี้ว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนก.ย. ขณะที่การขยายตัวของค่าจ้างชะลอลง และอัตราว่างงานที่สูงกว่าคาดในรายงานจ้างงานนอกภาคเกษตรนั้น จะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาดก็ตาม

โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมนโยบายการเงินในเดือนพ.ย. โดยสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ในวันที่ 11 ต.ค. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. ในวันที่ 12 ต.ค.

 ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดแข็งขึ้นเล็กน้อย จากดอลลาร์อ่อนคลายกังวลดอกเบี้ยเฟด

เมื่อวันศุกร์ (6 ต.ค. 66) ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,676 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,638.22 ล้านบาท

ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 36.90 – 37.20 บาท/ดอลลาร์ แนะนำผู้นำเข้าควรซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อปิดความเสี่ยง และผู้ส่งออกแนะนำขายเงินตราต่างประเทศที่เหนือระดับ 37.20 บาท/ดอลลาร์

กรอบค่าเงินวันนี้

  • USD/THB 36.90 – 37.20
  • EUR/THB 38.80 – 39.30
  • JPY/THB 0.2460 – 0.2500
  • GBP/THB 45.00 – 45.50
  • AUD/THB 23.30 – 23.80

ด้านนักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนในระยะสั้นได้ โดยหากสงครามขยายวงกว้างมากขึ้น ก็อาจทำให้ตลาดการเงินอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ได้ในระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อาทิ เงินดอลลาร์ เงินเยนญี่ปุ่น และทองคำ

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท มองว่าแม้จะเริ่มเห็นโอกาสกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจยังมีความผันผวน นอกจากนี้ ควรระวังและจับตาทิศทางราคาน้ำมันดิบ รวมถึงราคาทองคำ หลังความเสี่ยงสงครามล่าสุดอาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่า

ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)คาดทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ36.75-37.40บาทต่อดอลลาร์เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่36.98 บาท/ดอลลาร์

โดยการโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ของกลุ่มฮามาสอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย และอาจนำไปสู่การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบ ราคาทองคำ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นจากความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ตลาดจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะขยายวงมากเพียงใด

นอกจากนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย.ของสหรัฐฯและรายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป ในภาวะเช่นนี้ เราประเมินว่าการปรับฐานลงของค่าเงินดอลลาร์อาจเป็นไปอย่างจำกั

พร้อมอพยพคนไทยออกจากอิสราเอลคำพูดจาก สล็อตวอเลท! จ่อส่งเครื่องบินรับเมื่อน่านฟ้าเปิด

สภาพอากาศวันนี้ ฝนถล่ม 54 พื้นที่ เหนือ-อีสาน ฝนตกหนักถึงหนักมาก!

เปิดปฏิทินวันหยุดตุลาคม 2566 เช็กวันหยุดราชการ-วันสำคัญ