เปิดมาตรการเอสเอ็มอีแบงก์–ธ.ก.ส. ฟื้นฟูช่วยผู้ประกอบการน้ำท่วมใต้
น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีดีแบงก์ เปิดเผยว่า ธนาคารฯ ได้ช่วยเหลือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จ.สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ กลับมาเดินหน้าธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่
1.มาตรการพักชำระหนี้ เงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา ให้สิทธิพักชำระเงินต้น สูงสุด 6 เดือน
2.มาตรการเติมทุน ซ่อม สร้าง ฟื้นฟูกิจการ ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล นำไปใช้ได้ทั้งลงทุน ขยาย ปรับปรุง หมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง หรือรีไฟแนนซ์ เป็นต้น เช่น สินเชื่อ “SME D พร้อม” วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 15 ปี ปลอดชำระเงินต้น 18 เดือนแรก และสินเชื่อ “SME Speed Up” วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผ่อนชำระนานสูงสุด 12 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น 6 เดือนแรก
สำหรับมาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น โดยธนาคารจะติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด รวมถึงสำรวจความต้องการจากผู้ประกอบการ เพื่อพร้อมออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป โดยลูกค้าธนาคารและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สายด่วน 1357
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้จัดมาตรการการลดภาระหนี้เดิม สำหรับลูกค้าที่มีสถานะหนี้ปกติผ่านมาตรการ
1. การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ฟื้นฟูอาชีพ โดยธนาคารจะพิจารณาขยายระยะเวลาการชำระหนี้พร้อมกำหนดชำระหนี้ใหม่ตามศักยภาพที่แท้จริง แต่ไม่เกิน 20 ปี
2. มาตรการจ่ายดอก ตัดต้น เมื่อลูกค้าส่งชำระหนี้ ธนาคารจะแบ่งภาระการตัดชำระหนี้ตามสัดส่วนต้นเงินและดอกเบี้ยในสัดส่วน 50 : 50 ของจำนวนเงินที่ลูกค้าส่งชำระ โดยลูกค้าต้องชำระเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของจำนวนดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหมด
3. มาตรการจ่ายต้น ปรับงวด โดยธนาคารจะปรับตารางชำระหนี้ใหม่ให้กับลูกค้าให้สอดคล้องกับรายได้และศักยภาพในการชำระหนี้ของลูกค้า เมื่อลูกค้าชำระต้นเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของจำนวนหนี้ทั้งสัญญา และสำหรับลูกค้า NPLs ธนาคารจะพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าตามศักยภาพในการชำระหนี้ โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้จัดทำมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า เพื่อนำไปใช้ในการสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ และลดปัญหาการก่อหนี้นอกระบบ วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในช่วงประสบภัย เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือนแรก และเดือนที่ 7 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.975) วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาชำระภายใน 3 ปี
2. สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 ระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 15 ปีคำพูดจาก เว็บสล็อตทดลองเล่น
ทั้งนี้ภายหลังจากสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายลง ธ.ก.ส. จะเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบ เช่น การมอบเงินสมทบทุนการซ่อมแซมหรือสร้างบ้านหลังใหม่ การซ่อมแซมเครื่องจักรการเกษตร และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวเนื่อง ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลใจ ธ.ก.ส. พร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และสามารถเดินเข้ามาปรึกษา ธ.ก.ส. ได้ทุกสาขาหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2555-0555 ตลอด 24 ชั่วโมง